วันเสาร์ที่ 4 สิงหาคม พ.ศ. 2555

อยากเป็นสไนเปอร์ต้องอ่าน

ทุกคนต่างรู้ว่าสไนเปอร์นั้นมี ความได้เปรียบมากแค่ไหน แต่มีไม่กี่คนที่จะรู้อย่างลึกซึ้งว่าการจะเป็นสไนเปอร์มือฉมังนั้นต้องทำ อย่างไรบ้าง   นี่เป็นวิธีการที่จะเป็นสไนเปอร์มือฉกาจ

1. อ่านบทบาทของตัวเองให้ออก!!! ไม่รู้กี่ครั้งที่คุณอาจจะเคยเล่นผิดบทบาทไปและทำให้สุดท้ายก็เลิกเล่นหรือ เปลี่ยนปืนไปเลย ลองใช้ AEG ของคุณยิงแบบเซมิอย่างเดียวดูก่อนว่าคุณรู้สึกยังไงกับมัน ถ้านั่นคืออารมณ์ที่ใช่คุณก็ควรจะเริ่มมองหาชุดพรางและเปลี่ยนปืนมาใช้ ไรเฟิลอย่างมารูเซนหรือทานากะ ถ้าจะใช้ปืนจีน...พวกปืนจีนส่วนใหญ่เนื่องจากผลิตออกมามากจึงทำให้เสีย คุณภาพไปในหลายๆส่วน แนะนำว่าให้ทำการแต่งเพิ่มเติม

2. ปืนพกเป็นสิ่งที่ขาดไม่ด้สำหรับสไนเปอร์ ไม่มีอะไรที่แย่ไปกว่าการที่มีคนพุ่งเข้ามาหาคุณโดยที่คุณไม่มีอะไรไว้ ป้องกันตัวในระยะใกล้ ปืนพกของคุณควรมีซองเก็บให้เรียบร้อยและควรจะมีแม็กสำรองอย่างน้อย 2 - 3 อันแล้วแต่ว่าความจุของแม็ก

3. คุณต้องรู้จักปืนของคุณ เรียนรู้ข้อมูลเกี่ยวกับปืนของคุณให้มากที่สุดเท่าที่จะทำได้ ใช้เวลาและทดลองช็อตในแบบต่างที่สภาวะแวดล้อมที่ต่างกันออกไปแล้วดูว่าผลมัน ออกมาเป็นอย่างไร มีระยไกลสุดที่ยิงได้เท่าไหร่ และมีระยะหวังผลอยู่ที่เท่าไหร่

4. จำไว้เสมอว่าสไนเปอร์ไม่ใช่คนที่เก็บเป้าหมายได้เยอะที่สุดในสนาม บางครั้งอาจจะเป็นเกมที่น่าเบื่อเลยด้วยซ้ำเพราะในบางครั้งคุณอาจจะต้องอยู่ ในที่ซ่อนตัวเป็นเวลานานมากกว่าที่จะเจอเป้าหมายซักเป้านึง

5. แต่งปืนให้เหมาะกับความต้องการของคุณ

6. ยอมลงทุนซื้อสโคปดีๆซักตัวให้กับปืนของคุณ อย่าลืมหาขาทรายมาใส่ด้วยเพราะมันจะช่วยให้ปืนของคุณมีความนิ่งในการยิงได้ นานกว่าการคลอนปืนเยอะ

7. สร้างกิลลี่สูทหรืออะไรก็ได้ที่ใช้ในการพรางตัว สิ่งนี้จะช่วยให้ศัตรูมองเห็นคุณได้ยาก แต่จงจำไว้ว่าเมื่อทำออกมาแล้วขอให้ใส่สบายเพราะคุณจะต้องใส่มันไปอีกนาน ในการสร้างกิลลี่สูทคุณต้องสร้างให้เหมาะกับสภาพแวดล้อมของสนามที่คุณเล่น ถ้าคุณเปลี่ยนตำแหน่งจากต้นไม้มาสู่ทุ่ง กิลลี่สูทของคุณก็ควรที่จะสามารถปรับให้เข้ากับภูมิประเทศนั้นๆได้ด้วยเช่น กัน

8. ใช้ลูกที่มีคุณภาพสูงเท่านั้นเพราะลูกที่มีคุณภาพต่ำจะสร้างความเสียหายให้ กับท่อในของคุณ ลูกที่ใช้ควรมีน้ำหนักตั้งแต่ 0.25g ขึ้นไป จงจำไว้เสมอว่าน้ำหนักลูกที่เพิ่มขึ้นมีค่าเท่ากับความแม่นยำที่มากขึ้นและ FPS ที่ต่ำลง ถึงกระนั้นลูกที่มีน้ำหนักมากกว่าก็จะมีพลังงานจลที่มากกว่าในระยะไกลเช่น กัน

9. เรียนรู้ที่จะล่องหนโดยการลองแอบกลับไปที่ safe zone โดยไม่ให้ใครรู้ เคลื่อนที่ให้ช้าและคอยกวาดสายตาหาคู่ต่อสู้ตลอดเวลา ใช้เวลาในการศึกษาสภาพแวดล้อมโดยมองว่าตรงไหนเป็นที่ซ่อนที่ดีหรือเป็นที่ สำหรับการถอยได้ จงอย่าลืมดูทิศทางลมเสมอแล้วเคลื่อนที่ไปในทิศทางเดียวกับลมจะช่วยให้การ พรางร่องรอยประสบความสำเร็จมากขึ้น สิ่งที่สำคัญที่สุด จงอย่าลืมเส้นทางหลบหนีและบอกเรื่องนี้ให้ทุกคนในทีมรับรู้

10. จงจำไว้ว่าไม่มีใครถูกทอดทิ้งไว้เบื้องหลัง แม้ว่าคุณจะมีปัญหากับเพื่อนร่วมทีมแต่ถ้าเค้าตกอยู่ในอันตรายคุณก็ต้องช่วย เว้นแต่ว่าถ้าการช่วยหรือการยิงนั้นๆจะเปิดเผยตำแหน่งหลักของคุณ

11. ผ่อนคลายในทุกสถานการณ์ ต้องรู้ว่าจะยิงในป่าอย่างไรและในทุ่งโล่งอย่างไร และสามารถปรับชุดพรางอย่างไรให้เหมาะสมกับพื้นที่

12. ถ้ามีโอกาสจงออกไปสำรวจพื้นที่ก่อนการเล่นและจำเอาไว้ว่าบริเวณไหนสามารถทำ อะไรได้บ้าง ตรงไหนเป็นจุดยิงที่ดี ตรงไหนเป็นจุดสังเกตการณ์ที่ดี    และตรงไหนเป็นเส้นทางหนีที่ดี

13. รู้เข้ารู้เรา รบร้อยครั้งชนะร้อยครั้ง จงใช้เวลาใน safe zone ในการดูความเคลื่อนไหวของคู่ต่อสู้ในทุกเรื่องตั้งแต่จำนวนคนไปจนกระทั่ง อาวุธที่ใช้

14. ก้มให้ต่ำและเคลื่อนที่ให้ช้า ใช้วิธีการดักซุ่มโจมตีหรือเก็บพวกที่เข้ามาในแนวหน้า ท่านอนเป็นท่าที่ดีที่สุดของสไนเปอร์เพราะทำให้ทุกส่วนของร่างกายได้รับการ กำบัง ท่านั่งก็เป็นท่าที่ดีในพื้นที่ๆไม่สามารถนอนได้ ท่ายืนเป็นท่าที่อันตรายที่สุด

15. จงเตรียมเส้นทางหลบหนีให้พร้อม ในกรณีที่คุณได้รับคำสั่งให้ไปเก็บหัวหน้าของฝ่ายตรงข้ามของหลังแนวของศัตรู ขอให้รู้เสมอว่าเส้นทางหลบหลีกเป็นอย่างไร

16. ยิง 1 - 2 นัดแล้วเคลื่อนที่ แต่จงเคลื่อนที่ให้ช้าและต่ำเข้าไว้

17. จดจำภูมิประเทศเอาไว้ให้ดี เมื่อเจออะไรที่แปลกตาออกไปก็จงเอากล้องส่องทางไกลมาใช้และเข้าไปดูใกล้ๆเท่าที่จำเป็น

18. จงรู้ตัวตลอดเวลาว่าเรามีกระสุนอยู่เท่าไหร่ให้ยิง เรียนรู้ว่าช็อตไหนควรยิงช็อตไหนไม่ควร อย่าลืมที่จะเก็บบุคคลสำคัญก่อนเสมอเมื่อมีโอกาส

19. ทำความสะอาดปืนเพื่อให้ปืนอยู่ในสภาพพร้อมใช้งานได้ตลอดเวลา

20. จงรู้จักเพื่อนร่วมและรู้ความเคลื่อนไหวของเพื่อนตลอดเวลา ไม่มีอะไรจะน่าอายไปกว่าการยิงพวกเดียวกันเองเพราะเราคิดว่าเราไม่มีมือปืน ผู้ช่วย

21. ตื่นตัวตลอดเวลา จับตาเป้าหมายให้ดีและจำไว้เสมอว่าเราควรที่จะพบเป้าหมายก่อนที่เป้าหมายจะพบเรา

22. เล่นให้สนุกและเล่นให้ปลอดภัย

23. ใช้ safe zone ให้เป็นประโยชน์ มองหาเป้าหมายสำคัญและจำไว้ว่าเค้าแต่งตัวอย่าง

ยากไปไหม   ยิงฟันยิ้ม ยิงฟันยิ้ม

วันพฤหัสบดีที่ 2 สิงหาคม พ.ศ. 2555

การแบ่งพาร์ติชั่น โดยการใช้ Disk Management


สำหรับใครหลายคนที่มีฮาร์ดดิสก์ที่มีขนาดใหญ่หรือไม่ใหญ่  อยากที่จะปรับเปลี่ยนพาร์ติชันไม่ว่าจะลบหรือว่าจะเพิ่มเติมอะไรก็แล้วแต่  วันนี้ผมมีการแบ่งพาร์ติชั่นโดยการให้โปรแกรมที่อยู่ใน Windows ของเราเองโดยที่ไม่ต้องไปหามาจากที่ไหนมาเพื่มเตินเลย
โดยการใช้ Disk Management นั้นเอง

1. ขั้นแรกเลยให้ไปที่ Control Panel >>> Adminstrative Tools


2. แล้วให้ไปที่ Computer Management แล้วก็ดับเบิลคลิกตามธรรมเนียมครับ



3. พอปรากฏหน้าต่าง Computer Management ดูที่เมนูด้านซ้ายจะเจอ Disk Management



3. จากนั้งเราก็สามารถที่จะปรับแต่งพาร์ติชันของฮาร์ดดิสก์เราได้แล้ว  อ่อ...คลิกขวาแล้วจะเจอคำสั่งต่างๆนะครับ แต่ลำรองข้อมูลด้วยเป็นการดี เพราะจะต้องมีการลบพาร์ชันก่อนแล้วถึงเพิ่มขึ้นได้

ข้อดีของอินเตอร์เน็ต

อินเตอร์เน็ตประกอบไปด้วยบริการที่หลากหลาย  ก่อให้เกิดประโยชน์ต่อผู้ใช้งานบริการมากมาย  โดยสามารถค้นคว้าข้อมูลในลักษณะต่างๆ  เช่น  งานวิจัย  บทความในหนังสือพิมพ์  ความก้าวหน้าทางวิชาการได้จากแหล่งข้อมูลทั่วโลก  เช่น  ห้องสมุด  สถาบันการศึกษา  และสถาบันวิจัย  โดยไม่ต้องเสียค่าใช้จ่ายและเสียเวลาในการเดินทางและสามารถสืบค้นได้ตลอดเวลา 24 ชั่วโมง  ติดตามความเคลื่อนไหวต่างๆ  ได้ทั่วโลกและอย่างรวดเร็วจากการรายงานข่าวของสำนักข่าวสารต่างๆ  รวมทั้งอ่านบทความเรื่องราวที่ลงในนิตยสารหรือวารสารต่างๆ  สามารถรับ – ส่งไปรษณีย์อิเล็กทรอนิกส์ทั่วโลกได้อย่างโดยไม่ต้องเสียเงินค่าตราไปรษณีย์ยากร  ถึงแม้จะเป็นการส่งข้อความไปต่างประเทศก้ไม่ต้องเสียเงินเพิ่มขึ้นเหมือนการส่งจดหมาย  การส่งไปรษณีย์อิเล็กทรอนิกส์นี้นอกจากจะส่งข้อความตัวอักษรแบบจดหมายธรรมดาแล้วยังสามารถส่งแฟ้ม  ภาพนิ่ง  ภาพเคลื่อนไหว  และเสียงพร้อมกันไปได้ด้วย  สามารถสนทนากับผู้อื่นที่อยู่ห่างไกลได้ทั้งในลักษณะการพิมพ์ข้อความและเสียง  ร่วมกลุ่มอภิปรายหรือกลุ่มข่าวเพื่อแสดงความคิดเห็น  หรือพูดคุยถกปัญหากับผู้ที่สนใจในเรื่องเดียวกันเป็นการขยายวิสัยทัศน์ในเรื่องที่สนใจนั้นๆ  การถ่ายโอนแฟ้มข้อความ  ภาพและเสียงจากที่อื่นๆรวมทั้งโปแกรมต่างๆ  ได้จากแหล่งที่มีผู้ให้บริการ  ตรวจสอบราคาสินค้าและสั่งซื้อ  รวมทั้งบริการหลากหลายรูปแบบ  เช่น  การดูหนัง  ฟังเพลง  ราการวิทยุ  การชมรายการโทรทัศน์ให้ผู้อื่นทราบอย่างทั่วถึง  ให้เสรีภาพในการสื่อสารทุกรูปแบบแก่บุคคลทุกคน

การดูแลรักษาเมาส์


การดูแลรักษาเมาส์
เมาส์เป็นอุปกรณ์หนึ่งที่มีความสกปรก  มากเพราะเวลาที่เราใช้นั้นไม่รู้ว่าเราจับอะไรต่อมิอะไรมา  ทำให้เชื่อโรคสะสมอยู่  โดยเฉพาะเมาส์ที่เป็นลูกกลิ้งนั้น  ลูกกลิ้งจะสัมผัสกับบริเวณโต๊ะหรือว่าแผ่นรองเมาส์จนทำให้เกิดฝุ่นสะสม  แล้วทำให้ไม่สามารถที่จะเลื่อนได้อย่างปกติได้  วิธีการทำความสะอาดนั้นก็นำเอาฝาที่ครอบลูกกลิ้งออก   โดยการหมุนตามลูกศรที่ระบุไว้  นำผ้ามาเช็คที่ลูกกลิ่งแล้วด้านในให้สะอาดถ้าใช้แอลกฮอล์ได้ยิ่งดีครับ  จะได้ฆ่าเชื้อโรคไปด้วย  
ส่วนบริเวณอื่นๆ  นั้นให้ใช้สำลีชุบแอลกฮอล์มาเช็ดทำความสะอาด  แต่ในกรณีที่วัสดุของเมาส์ที่เป็นหนัง  ก็ใช้ผ้าซุบหมาดๆเช็ดก็พอ  และบริเวณตรงบริเวณที่ส่องแสงเพื่อใช้จับตำแหน่งเมาส์นั้นให้ใช้สำลีก้านแห้งๆ  ไม่ควรที่จะซุบน้ำ  แอลกอออล์ หรือสารเคมีใดๆ  ทั้งสิ้น  ค่อยเซ็ดอย่างระมัดระวัง  แล้วควรที่จะล้างมือให้สะอาดก่อนที่จะไปจับมันด้วยนะครับ
การเลือกแผ่นลองเมาส์ก็มีส่วนสำคัญในการเพิ่มประสิทธิภาพด้วย  โดยเฉพาะคนที่ใช้แบบลูกกลิ้ง  ควรเลือกแผ่นรองที่ผลิตจากพลาสติกสังเคราะห์  จะช่วยให้การทำงานนั้นราบรื่น  แต่ถ้าใช้แบบเลเซอร์หรือออฟติคอลนั้น  ควรใช้แผ่นรองเมาส์ที่ไม่มีลวดลายและควรมีผิวที่เรียบ  เพื่อประสิทธิภาพในการสะท้อนและการหักเหของแสงด้วย

วิธีการดูแลรักษา แรมและการ์ดแสดงผล

หลังจากได้รู้วิธีการดูแลรักษา  อุปกรณ์ภายนอกมาแล้วเราก็มาดูแลรักษาอุปกรณ์ภายในกันต่อเลยครับ  ถึงแม้เราจะไม่ค่อยได้สัมผัสพวกนี้ก็ตาม  เพราะว่าอุปกรณ์ภายนอกนั้นอายุการใช้งานจะสั้นกว่าเพราะการกระทบกระเทือน  จากการใช้งานนั้นมีมาก  และทำให้เสียหายได้มากกว่า  ส่วนอุปกรณ์ภายในนั้นก็สมควรดูแลรักษาเช่นกัน
แม้ว่าเราไม่เคยถอดแรมหรือการ์ดแสดงผลออกจากเมนบอร์ดก็มาทีเถอะ  แต่ว่าบรรดาฝุ่นจ่างๆ  ที่อยู่ภายในเคศก็มีเยอะ  เพราะว่าการที่เคสเรามีพัดลมนั้น  จะทำให้ดูดอากาศเข้าออก แล้วก็นำพาฝุ่นเข้ามาด้วย  แล้วฝุ่นก็สามารถที่จะเข้าไปหน้าสัมผัสทั้งแรมแล้วก็  การ์ดแสดงผลได้  ซึ่งก็จะทำให้อุปกรณ์เกิดปัญหาและคอมพิวเตอร์อาจเกิดข้อผิดพลาดในการทำงานได้  เพราะฉะนั้นแล้วเราจึงควรที่จะทำความสะอาดด้วย  การทำความสะอาดนั้นก็ง่ายแสนง่ายครับ  เพียงเราถอดแรมหรือว่าการ์ดแสดงผลออกมาเท่านั้นเอง  แล้วหายางลบมาถูๆ  ตรงบริเวณหน้าสัมผัสที่เป็นสีทองเพื่อเป็นการลบเอาคราบฝุ่นต่างๆ  ที่เกาะอยู่ออกไปได้โดยง่ายเลยล่ะ  ส่วนนอกเหนือจากนั้นก็นำแปลงมาปัดฝุ่นตามแรมหรือว่าการ์ดแสดงผลออกไป
สำหรับชุดระบายความร้อนของการ์ดแสดงผลนั้น  โดยทั่วไปแล้วฝุ่นจะเกาะที่บริเวณพัดลม  ให้ใช้เครื่องเป่าลมเปาออกหรืไม่ก็  ใช้สำลีเช็ดฝุ่นที่เกาะอยู่อย่างใจเย็น  ไม่จำเป็นที่จะต้องถอดออกจากตัวการ์ด  ถ้าเกิดเราต้องการที่จะทาซิลิโคนใหม่เราถึงถอดออกเพื่อทาใหม่ได้
การเลือกใส่แรมนั้นถ้าเราเลือกใส่แรมคู่  จะเป็นการช่วยเพิ่มประสิทธิภาพของการทำงานโดนรวมของระบบ (Dual-Channel) ของหน่วยความจำนั้นเมมโมรีแบนด์วิดธ์  ได้ถึง 50% แม้ว่าการใช้งานจริงๆ  นั้นอาจะช่วยได้แค่ 15-20% แต่ก็คุ้มที่จะทำครับ  แต่การทำเช่นนี้แล้วนั้นจะต้องเลือกแรมที่มีขนาดเท่ากัน  ความเร็วเท่ากัน  แล้วควรเป็นยี่ห้อเดียวกันด้วย
 

การดูแลรักษาฮาร์ดดิสก์


ฮาร์ดดิสก์เป็นอุปกรณ์ที่บรรจุเก็บความจำและข้อมูลที่มีขนาดใหญ่ที่สุดของเครื่องคอมพิวเตอร์เลยก็ว่าได้  เพราะฉะนั้นแล้วเราก็ควรที่จะบำรุงรักษา  เพื่อที่จะให้ใช้งานได้ยาวนานและเก็บข้อมูลเราได้โดยไม่เสียหายได้โดยง่าย 
สำหรับฮาร์ดดิสก์นั้นเป็นอุปกรณ์ที่ใช้หัวในการอ่านแผ่นแม่เหล็กเพราะฉะนั้นแล้วจึงต้องดูแลรักษาสิ่งที่จะไปกระทบกระเทือนซึ่งทำให้หัวอ่านชำรุดหรือเลื่อนได้  เพราะฉะนั้นฮาร์ดดิสก์เป็นสิ่งที่เบาะบางจึงไม่ควรที่จะไปกระแทก  โดยฉะเพราะขณะที่กำลังทำงานจะมีโอกาสเสียหายได้มาก  เช่นการที่ไปกระแทกกับตัวเคสเองหรืออย่างใดอย่างหนึ่งที่จะไปกระทบการทำงานของฮาร์ดดิสก์เอง
การตรวจสอบฮาร์ดดิสก์
เมื่อเราได้ใช้งานไปนานๆ  อาจจะมีพื้นที่หรือส่วนที่เสียของฮาร์ดดิสก์เกิดขึ้นเพราะฉะนั้นเราควรจะตรวจสอบเพ่อเราจะได้ทราบว่ามีส่วนเสียมากแค่ไหน  หรือว่าอายุจะใช้ได้อีกนานไหมซึ่งจะสามารถเตือนและกำจัดได้  เพราะว่าการตรวจสอบจุดที่เสียของฮาร์ดดิสก์นั้นจะส่วนให้ระบบ  หลีกเลี่ยงการเขียนที่บริเวณนั้นด้วย  โดยการตรวจสอบจุดเสียของฮาร์ดดิสก์นั้นสามารถทำดังต่อไปนี้
- เราสามารถสังเกตุการทำงานของฮาร์ดดิสก์เองเช่น  ทำงานแล้วมีเสียเกิดขึ้นหรือว่าการทำงานที่รู้สึกว่ามันอ่านช้าไปนานๆ  กว่าจะอ่าน  หรืออยู่ดีๆ  ก็เงียบไป  ซึ่งก็แล้วแต่กรณีไปครับ  เพราะว่าฮาร์สดิสก์ใกล้จะผังหรือมีปัญหาแล้วจะมีเสียหัวอ่านที่ดังผิดปกรติ
-  การ Scan Disk เป็นการตรวจสอบจุดเสียจากการใช้โปรแกรมที่มีอยู่ใน  Windows เอง  โดยการ
1.  ดับเบิลคลิกที่  My  computer
 
2. เมื่อเข้าไปแล้วจะเจอไดร์วต่างๆ ที่เราได้ทำการแบ่งหรือว่าคนอื่นทำก็ตาม  ใครที่แบ่งพาร์ติชั้นเยอะหรือว่าฮาร์ดดิสก์มีความจุที่สูง  ก็อาจจะรอนานหน่อยครับ  แล้วก็คลิกขวา  ตามพาร์ติชันที่เราจะตรวจสอบ  เลือกที่ Properties ดังรูป
 
3. แล้วเลือกแท็บ Tool  คลิกที่ Check New
 
แล้วให้ติ๊กเครื่องหมายถูกที่  Automatically fix file systen errors และ for and  attempt recovery  of bad  sectors แล้วคลิก ที่ Start เพื่อเป็นการสแกนดิสก์  แล้วก็จะมีการตรวจสอบจุดเสียโดยอัตโนมัติ 
การทำเช่นนี้  ควรทำบ่อยเมื่อว่างนะครับ
 -  การจัดระเบียบไฟล์ของฮาร์ดดิสก์
ในการทำงานของฮาร์ดิสก์นั้นอาจจะต้องเก็บและอ่านข้อมูลจำนวนมากในแต่ละวันบางทีอาจเรียงลำดับที่ไม่ถูกต้อง  เพราะหัวอ่านต้องเลื่อนไปหลายตำแหน่ง  เพราะฉะนั้นการเก็บข้อมูลเองส่วนใหญ่จะไม่เป็นระเบียบเพราะฉะนั้นแล้วควร  จัดระเบียบเพื่อทำให้การทำงานได้เร็วขึ้น   โยทำตามดังนี้คือ
โดยให้ทำตาม
 โดยให้ทำตามที่เราได้  สแกน  ถึงขั้นที่ 3 แต่ว่าให้เลือกที่  Defragment Now แทน
 
เมื่อปรากฏดังรูปแล้ว   ให้เลือกที่  ไดรว์ที่ต้องการแล้ว  คลิกที่ปุ่ม  Analyze
 
ถ้าเกิดปรากฏ Disk Defragment  ก็ให้คลิกที่ defragment เมื่อดำเนินการต่อไป  อาจใช้ระยะเวลานานพอสมควร  แต่ควรทำการ defragment เดือนละ 2 ครั้ง

Blog คือออะไร


Blog คืออะไร  หลายคนคงสงสัยว่าทำไมเดี๋ยวนี้มีแต่คนเอ๋ยเรื่อง  Blog ไปไหนมาไหนก็เห็นแต่ Blog ไปหมด  สิ่งแรกที่ขณะนี้การทำบล็อกเป้นเรื่องที่ง่ายไม่ยาก  เพราะในปัจจุับได้มีโปแกรมเสริมมากมายที่จะเป็นทำเป็นบล็อกส่วนตัวหรือประกาศข่าวสารต่างๆ
Blog หรือ web Blog  นั้นคือ สิ่งที่เผยแพร่ในเรื่องต่างๆ  ไม่จะเป็นข่าวสารหรือว่าจะเป็นไดอารี่ต่างๆ  ที่เราต้องการให้บุคคลทั่วไปได้รับรู้  ผ่านอินเตอร์เน็ตนี้  ซึ่งโดยทั่วไปแล้วจะเป็นการทั้งให้ความรู้หรือว่าข่าวสารที่มีการทันสมัยตลอดเวลา
บล็อกนั่นสามารถที่จะทำนั้นได้ง่ายคนจึงนิยมกันทำกันมากขึ้น  ไม่ว่าจะเป็นการสมัครผ่านบล้อกฟรีต่างๆ  เช่น Blogsprot หรือเว็บอื่นๆ  ที่สามารถสมัครแล้วเราก็ได้บล้อกเป็นของตัวเอง  เป็นการทำได้ด้วยตัวเอง  หรือเราการจะทำเป็นบล็อกที่เราสร้างขึ้นโดยการ  สมัครพื้นที่ Hosting และการเช่าโดเมน  เพื่อที่เราจะได้บล้อกเป้นของตัวเองการทำแบบนี้นั้นจะได้บล็อกที่สามารถตกแต่งได้เป็นอิสระ
วัตถุประสงค์ในการทำบล็อกนั้นมีหลากหลายอย่างเช่นกัน  อาจจะทำเพื่อเผยแพร่ผลงานต่างๆ  ข่าวสาร  หรือจะเป็นไดอารี่ออนไลน์ได้  หรือบางคนอาจจะทำบล็อกเพื่อ  เป้นการหารายได้เสริมก็สามารถทำได้ด้วยเช่นเดียวกัน  เพราะขณะนี้ จะมีการหารายได้จาก Google AdSense ค่อนข้างมากแล้ว  รวมไปถึงการสร้างบล้อกเพื่อสนทนากันก็ได้ครับ
เมื่อบล็อกมีประโยชน์มากมายแล้ว  ใครหลายคนจึงมีการสร้างบล็อกขึ้นมา  ถ้าคุณเป็นคนหนึ่งที่อยากจะรองสร้างดูก็สามารถทำได้ครับ  ไม่เสียหายออะไรเพราะบล็อกฟรีก็สามารถที่จะสมัครกันได้  หรือถ้าใครพอมีตังค์  ก็สามารถจ่ายเป็นของตัวเองเลยครับ  ไม่ขึ้นอยู่กับใครก็สามารถทีี่จะเช่า  Hosting และโดเมน หนือว่าชื่อของเว็บนั้นเอง  ในปัจจุับันราคาไม่แพงครับ  อาจจะตั้งแต่ 800 จนถึง เป็น พัน ซึ่งขึ้นอยู่กับความต้องการที่เราจะใช้ครั

นิสัยเสียที่ต้องเลี่ยงจากการใช้คอมพ์


1.ยื่นหน้าเข้าไปใกล้ๆ จอเพราะระยะ  ห่างที่ปลอดภัยระหว่างดวงตาเรากับจอคอมพิวเตอร์อยู่ที่ 20-24 นิ้ว  ดังนั้นถ้าเรายื่นหน้าเข้าไปให้ใกล้กว่านั้น  ดวงตาเราก็จะได้รับทั้งรังสีปริมาณมาก  และการเพ่งจอใกล้ๆ  มีผลทำให้ปวดตาเราก็จะได้รับทั้งรัวสีปริมาณมาก  และการเพ่งจอใกล้ๆ  มรผลทำให้ปวดหัว ปวดตา  อาการระยะยาวคืออาจจะเป็นต้อกินและตาบอดได้นะครับ
2.ตั้งจอสะท้อนเข้าตา  พยายามหันหน้าจอให้มีแสงจ้าๆ  สะท้อนเข้าตาเราเช่นวางจอไว้ใกล้ๆ  หน้าจอ  เพราะแสงที่สะท้อนออกมาจากจอคอมพิวเตอร์สามารถทำให้ดวงตาของเราเมื่อยล้าได้ง่ายๆ
3.พยายามจ้องจอคอมพิวเตอร์ให้นานๆ  มากกว่าครั้งละ 30 นาที ถ้าเมรู้สึกปวดตาเมื่อไหร่แสดงว่าใช้ได้แล้ว  เพราะนั้นหมายถึงดวงตาเริ่มล้าแล้ว  ทำบ่อยๆ  คุณภาพตาจะแย่ลงเรื่อยๆ  ถ้าไม่กะพริบตาเลยจะยิ่งไปกันใหญ่เพราะจะทำให้ตาแห้งเลยล่ะ  แล้วก็แสบตาในที่สุดส่วนแผงกระจกกรองแสง  ถ้ามีก็ถอดออกเสียเพราะจะเป็นการกรองรังสีจากจอ
4นั่งให้ผิดท่า  ชุดเก้าอี้และได้โต๊ะที่ใช้ถ้าหาแบบที่ต่างระดับกันได้มากๆ จะทำให้ท่านั่งผิดสุขลักษณะ  ซึ่งส่งผลเสียโดยตรงต่อกล้ามเนื้อกับกระดูกที่แขน  ไหล่  หลังและคอเราสามารถเพิ่มระดับความอักเสบของกล้ามเนื้อให้มากขึ้นด้วยการนั่งผิดท่า  นั่นก็คือเวลาใช้คอมพิวเตอร์อย่านั่งหลังตรง  ให้นั่งค้อมไปข้างหน้าบ้าง  แอนไปหลังบ้าง
5.วางคีย์บอร์ดให้ผิดทาง  เวลาพิมพ์งานลองหามุมวางคีย์บอร์ดแล้วทำให้ต้องวางมืออยากๆ  ควรวางข้อมือบนโต๊ะหน้าคีย์บอร์ดถ้าหากจำเป็น  การพิมพ์ก็ให้กดแป้นพิมพ์แรงเพราะเมื่อทำต่อเนื่องไปนานๆ  จะเมื่อยและเจ็บนิ้ว  และยังของแถมคือคีย์บอร์ดจะเจ๊งเร็วขึ้น  เก้าอี้ที่ใช้ให้เลือกใช้แบบที่ไม่มีให้วางแขน  เพื่อที่แขนเราจะได้เกร็ง  เมื่อเกร็งมากๆก็จะเมื่อยแขน  ปวดไหล่  ปวดนิ้ว  ลามไปถึงคอและหลังด้วย
 6.  กินขนมหน้าคอมพิวเตอร์  ให้หาขนมกินในขณะที่ใช้คอมพิวเตอร์ไปด้วย  เพราะมีโอกาสที่เศษขนมหรือเกร็ดน้ำตาลจะหล่นลงไปในคีย์บอร์ด  แล้วกลายเป็นอาหารของแบตทีเรีย  ซึ่งถ้าเราใช้คีย์บอร์ดสลับกับการกินขนมทุกครั้งแบบนี้อีกเราอาจจะโชคดีท้องเสีย  เพราะนิ้วของเราย่ำยีอยู่กับแหล่งเพราะเชื้อตลอดเวลานั่นเอง
7.แซ่แข็งตัวเองอยู่หน้าจอ  พยายามหาเรื่องอะไรมาทำให้ตังเองเพลินๆ  จะได้นั่งอยู่หน้าเครื่องนานๆ  จะได้ลืมให้หมดว่าการที่ไม่เปลี่ยนอิริยาบถนานๆ  จะทำให้กล้ามเนื้อส่วนต่างๆ  เครียดจนเมื่อยจนปวด  จะได้ลืมว่าถ้าปวดฉี่แล้วไม่ยอมไปห้องน้ำจะทำให้เราเป็นกระเพราะปัสสาวะอักเสบ

OS 64 บิต คืออะไร ???



OS 64 บิต คืออะไร ???
ส่วนใหญ่แล้วเรายังใช้ OS 32 แต่มีหลายคนที่จะอยากจะลองมาใช้ 64 บิตอาจจะเป็นเพราะสามารถที่จะเห็น  แรมได้มากกว่า 4 กิกะไบต์  แต่ถ้าอยากที่จะใช้เพราะมันน่าสนใจ  อยากที่จะใช้เป็นหลักเลย  แล้วถ้าอยากใช้ต้องทำยังไงบ้างลองไปอ่านดูเลยครับ
ข้อแต่ต่างระหว่า 32 บิต และ 64 บิต
ก่อนอื่นเรามาดูข้อแตกต่างที่ใช้งานกัน  ก่อนอื่นนั้นต้องเข้าใจว่าการประมวลผล 64  บิต นี้เป็นยังไง การประมวลผลของ 64 บิต  นั้น  ทำให้เกิดประสิทธิภาพสูงขึ้น  ส่วนการ  Address Memory ในแบบ 64 บิต สามารที่จะรองรับหน่วยความจำหรือแรมเพิ่มขึ้น  ระบบ 64 บิตนั้นใช้ตัวรีจิสเตอร์แบบ 64 บิตรองรับข้อมูลแบบ 64 บิต  และ Address Memory ภายนอกและความเร็วบัสอาจจะแตกต่างกันไปก็ได้   ระบบ 64 บิตส่วนใหญ่สามารถรองรับการใช้งานซอฟต์แวร์  32 บิต  แต่ในเรื่องของประสิทธิภาพของก็ไม่ยิ่งหย่อนไปกว่ากัน  แล้วทำไมยังต้องใช้ 64 บิตกันล่ะ
ข้อดีของระบบ 64 บิต คือ
         สามารถที่จะทำงานได้ทั้ง  32 บิตและ 64 บิต สำหรับวินโดวส์นั้นรองรับแรมสูงสุดได้แค่ 4 กิกะไบต์เท่านั้น  ส่วนของ 64 บิตสามารถที่จะทำงานได้มากกว่า  ในเรื่องของการจัดการไฟล์นั้น  ลองคิดถึงการโอนไฟล์ขนาด 5 กิกะไบต์บนวินโดวส์ที่ใช้แรมได้จริงๆ  แต่ 3 GB สิครับ  มันเหมือนกับการขนย้ายน้ำขนาดใหญ่ 5 ลิตรด้วยถังขนาด 3 ลิตรต้องตักหลายหนกว่าจะหมดใช่ไหมล่ะครับ  ถ้าถ้าเป็น ระบบ 64 บิตสามารถเคลื่อนย้ายได้พร้อมกันไม่ต้องเสียเวลาในการตักก็จะดีไม่ใช่น้อย  สามารถที่จะประหยัดเวลาให้เราได้มากเลย

การทำตัวอักษรที่มีความเร็วสูง



สำหรับตัวอักษรที่มีความเร็วสูงนะครับ เป็นการทำให้เหมือนว่าตัวอักษรกำลังเคลื่อนตัวไป
ดังตัวอย่าง
1. เริ่มจากการสร้างไฟลืภาพขึ้นมา ขนาดใดก้ได้ตามใจชอบ File >> New...
2. กำหนดขนาดตามต้องการ
3. ให้ทำพื้นหลังเป็นสีดำทั้งหมด โดยการคลิกที่  แล้วเทลงไฟล์ภาพที่เราสร้างขึ้น
4. กำหนดขนาดตัวอักษรที่จะทำข้อความ และรูปแบบ ในที่นี้ผมเลือกเป็น Italic เพื่อให้เอียง
5. ให้ทำการลาก Layers ให้ไปที่ create a New Layers ดังรูป
จะปรากฎ Copy ขึ้นมา
6. ให้ทำการคลิกขวาที่ เลเยอร์ ต้นฉบับ ของผมเป็น ADOBE แล้วเลือก Rasterize Type
7. ให้คลิกที่สามเหลี่ยม ดังรูป แล้วเลือก Merge Down เพื่อรวม เลเยอร์
8. ให้ไปที Fliter >> stylize >> wind...  แล้วปรับแต่งดังรูป
 9. ให้คลิกที่บริเวณ กรอบสีแดง ที่เลเยอร์
10. ทำการเปลี่ยนสีตามต้องการ
11. ให้คลิก  แล้วกดที่แป้นพิมพ์ ที่ลูกศร ขึ้นบน 2 ที ไปทางขวา 2 ที่

ยุคของคอมพิวเตอร์



ยุคที่ 1 (First Generation Language : 1GL) เป็นภาษาระดับต่ำ (Low - Level Language) ประกอบด้วยเลขฐานสอง ได้แก่ 0 และ 1 หรือเรียกว่า "ภาษาเครื่อง (Machine Language)"
ยุคที่ 2 (Second Generation Language : 2GL) ได้มีผู้พัฒนาให้มีการใช้สัญลักษณ์แทนตัวเลขฐานสอง เรียกว่า "ภาษาสัญลักษณ์ (Symbol Language)" คือ ภาษาอังกฤษ จะเป็นคำสั่งสั้น ๆ ที่จำได้ง่าย เรียกว่า "นิวมอนิกโค้ด (Nemonic Code)" ทำให้นักเขียนโปรแกรมสามารถเขียนโปรแกรมได้ง่ายขึ้น ตัวอย่างภาษาสัญลักษณ์ ได้แก่ ภาษา Assembly และเนื่องจากเป็นภาษาสัญลักษณ์ จึงต้องใช้ตัวแปลภาษา เพื่อทำให้เป็นภาษาเครื่องก่อน ด้วยตัวแปลภาษาที่เรียกว่า "Assembler"
ยุคที่ 3 (Third Generation Language : 3GL) ภาษาสัญลักษณ์ได้มีการพัฒนาเพิ่มมากขึ้น ทำให้สามารถแทนตัวเลขฐานสองได้เป็นคำ ทำให้กลายเป็นภาษาที่มีไวยากรณ์ที่เข้าใจและเขียนได้ง่ายขึ้น คำสั่งสั้นและกระชับมากขึ้น เช่น ภาษา BASIC, COBOL, Pascal
ยุคที่ 4 (Fourth Generation Language : 4GL) ได้มีการพัฒนารูปแบบการเขียนโปรแกรมจากยุคที่ 3 ที่จัดว่าเป็นการเขียนแบบ Procedural ให้กลายเป็นการเขียนแบบ Non - Procedural ที่สามารถกระโดดไปทำคำสั่งใดก่อนก็ได้ตามที่โปรแกรมเขียนไว้ นอกจากนี้ จุดเด่นของภาษาในยุคนี้เริ่มจากการเขียนคำสั่งให้ผู้ใช้สามารถจัดการกับข้อมูลในฐานข้อมูลได้ และพัฒนาต่อมากลายเป็นการเขียนคำสั่งให้ได้โปรแกรมที่มีส่วนติดต่อกับผู้ใช้แบบกราฟิกมากขึ้น และพัฒนาจนมาถึงการเขียนโปรแกรมเชิงวัตถุ (Object - Oriented Programming) เช่น ภาษา C++, Visual C++, Delphi, Visual Basic เป็นต้น ปัจจุบันมีภาษาที่ใช้หลักการของโปรแกรมเชิงวัตถุที่นิยมใช้ เช่น ภาษา Java
ยุคที่ 5 (Fifth Generation Language : 5GL) เป็นภาษาที่ใช้สำหรับพัฒนาซอฟต์แวร์เพื่อระบบผู้เชี่ยวชาญ (Expert System : ES) และปัญญาประดิษฐ์ (Artificial Intelligence : AI) ภาษาในยุคที่ 5 เรียกว่า "ภาษาธรรมชาติ (Natural Language)" คือ ไม่ต้องสนใจถึงคำสั่งหรือลำดับของข้อมูลที่ถูกต้อง ผู้ใช้เพียงแต่พิมพ์สิ่งที่ต้องการลงในเครื่องคอมพิวเตอร์เป็นคำหรือประโยคตามที่ผู้ใช้เข้าใจ คอมพิวเตอร์จะพยายามแปลคำหรือประโยคเหล่านั้นเพื่อทำตามคำสั่ง แต่ถ้าไม่สามารถแปลให้เข้าใจได้ ก็จะมีคำถามกลับมาถามผู้ใช้เพื่อยืนยันความถูกต้อง

ราคา Toyota Vigo Champ


ราคา Toyota Vigo Champ รุ่นมารตฐานและเอ็กซ์ตร้าแค็บใหม่
ราคา Toyota Vigo รุ่น Standard Cab 3.0 J-PS เกียร์ธรรมดา 5 สปีด 542,000 บาท
ราคา Toyota Vigo รุ่น Standard Cab 2.5 J-PS เกียร์ธรรมดา 5 สปีด 512,000 บาท
ราคา Toyota Vigo รุ่น Standard Cab 2.5 J เกียร์ธรรมดา 5 สปีด 492,000 บาท
ราคา Toyota Vigo รุ่น Standard Cab 2.7J-PS VVT-i MT(เบนซิน) เกียร์ธรรมดา 5 สปีด 520,000 บาท
ราคา Toyota Vigo รุ่น Standard Cab 2.7 J-PS VVT-i(CNG) เกียร์ธรรมดา 5 สปีด 615,000 บาท
ราคา Toyota Vigo รุ่น Extra Cab 2.5J-PS เกียร์ธรรมดา 5 สปีด 557,000 บาท
ราคา Toyota Vigo Champ สมาร์ทแค็บใหม่
ราคา Toyota Vigo smart cab รุ่น 4×2 3.0G เกียร์ธรรมดา 5 สปีด 721,000 บาท
ราคา Toyota Vigo smart cab รุ่น 4×2 2.5G เกียร์ธรรมดา 5 สปีด 686,000 บาท 
ราคา Toyota Vigo smart cab รุ่น 4×2 2.5E เกียร์ธรรมดา 5 สปีด 638,000 บาท 
ราคา Toyota Vigo smart cab รุ่น 4×2 2.5J-PS เกียร์ธรรมดา 5 สปีด 592,000 บาท
ราคา Toyota Vigo smart cab รุ่น Prerunner 3.0G เกียร์ธรรมดา 5 สปีด 752,000 บาท 
ราคา Toyota Vigo smart cab รุ่น Prerunner 2.5E ABS เกียร์ธรรมดา 5 สปีด 702,000 บาท
ราคา Toyota Vigo smart cab รุ่น Prerunner 2.5E ABS(50th) เกียร์ธรรมดา 5 สปีด 709,000 บาท
ราคา Toyota Vigo smart cab รุ่น Prerunner 2.5E เกียร์ธรรมดา 5 สปีด 662,000 บาท
ราคา Toyota Vigo smart cab รุ่น 4×4 3.0G เกียร์ธรรมดา 5 สปีด 812,000 บาท 
ราคา Toyota Vigo smart cab รุ่น 4×4 2.5E เกียร์ธรรมดา 5 สปีด 735,000 บาท
ราคา Toyota Vigo smart cab รุ่น 4×2 2.7G VVT-i (เบนซิน) เกียร์ธรรมดา 5 สปีด 622,000 บาท 
ราคา Toyota Vigo smart cab รุ่น 4×2 2.7G VVT-i (CNG) เกียร์ธรรมดา 5 สปีด 717,000 บาท 
ราคาToyota Vigo Champ ดับเบิ้ลแค็บใหม่
ราคาโตโยต้าวีโก้ 4 ประตู รุ่น 4×2 3.0G A/T อัตโนมัติ 4 สปีด 837,000 บาท
ราคาโตโยต้าวีโก้ 4 ประตู รุ่น 4×2 3.0G 50th Anniversary อัตโนมัติ 4 สปีด 901,000 บาท
ราคาโตโยต้าวีโก้ 4 ประตู รุ่น 4×2 2.5G ธรรมดา 5 สปีด 762,000 บาท
ราคาโตโยต้าวีโก้ 4 ประตู รุ่น 4×2 2.5E ธรรมดา 5 สปีด 722,000 บาท
ราคาโตโยต้าวีโก้ 4 ประตู รุ่น 4×2 2.5J-PS ธรรมดา 5 สปีด 632,000 บาท
ราคาโตโยต้าวีโก้ doublecab รุ่น Prerunner 3.0G Auto 4 สปีด 894,000 บาท 
ราคาโตโยต้าวีโก้ doublecab รุ่น Prerunner 3.0G ธรรมดา 5 สปีด 854,000 บาท 
ราคาโตโยต้าวีโก้ doublecab รุ่น Prerunner 2.5E ABS ธรรมดา 5 สปีด 784,000 บาท 
ราคาโตโยต้าวีโก้ doublecab รุ่น Prerunner 2.5E ธรรมดา 5 สปีด 749,000 บาท 
ราคาโตโยต้าวีโก้ doublecab รุ่น 4×4 3.0G A/T อัตโนมัติ 4 สปีด 986,000 บาท
ราคาโตโยต้าวีโก้ doublecab รุ่น 4×4 3.0G ธรรมดา 5 สปีด 941,000 บาท 
ราคาโตโยต้าวีโก้ doublecab รุ่น 4×4 2.5E ธรรมดา 5 สปีด 815,000 บาท 
ราคาโตโยต้าวีโก้ doublecab รุ่น 4×2 2.7E MT (เบนซิน) ธรรมดา 5 สปีด 714,000 บาท
* สำหรับสีเมทัลลิก ราคาเพิ่มขึ้น 7,000 บาท
** สำหรับ รุ่น 3.0 เป็นเครื่องยนต์ VN เทอร์โบ อินเตอร์คูลเลอร์
*** สำหรับรุ่นฉลองครบรอบ 50 ปี มีเฉพาะสี Super White II [040] และ Light Purple Mica Metalic [9AE] (สีพิเศษ)

รถยนต์ คุยเพื่อง(เม้า)เรื่องรถ กับ CarTips2u.com


รถอีซูซุดีแม็ก 2012 ราคาล่าสุด ทุกรุ่น พร้อมโบรชัวร์ (All New Isuzu D-MAX 2012)

รถอีซูซุดีแม็ก 2012 ราคาล่าสุด (อัพเดต 14 ตุลาคม 54)
อีซูซุ ดีแม็ก ตัวใหม่ 2012
อีซูซุ ดีแม็ก ตัวใหม่ 2012
ผมได้รวบรวมราคาอีซูซุดีแม็ก 2012 รุ่นย่อยทั้งหมด  พร้อมลิ้งสำหรับดาวโหลดโบรชัวร์ ไม่ว่าจะเป็นรุ่น SPARK, SPACE CAB, CAB4, Hi-Lander และ Vcross แยกออกมาไว้ในหมวดใหม่ คือ หมวดราคารถยนต์เพื่อความสะดวกในการติดตามราคา All New Isuzu D-MAX 2012 ของทุกๆ ท่านนะครับ สามารถดูราคาแต่ละรุ่นด้านล่างได้เลยครับ
ราคารถอีซูซุดีแม็ก 2012 รุ่น SPARK
All New Isuzu D-MAX 2012 รุ่น Spark
All New Isuzu D-MAX 2012 รุ่น Spark
รุ่น Isuzu D-MAX Sparkสีที่มีให้เลือกราคา(บาท)
Spark 2.5 Bสีขาว,สีน้ำเงิน508,000
Spark 2.5 Sสีขาว,สีน้ำเงิน513,000
Spark 2.5 VGS Sสีขาว,สีน้ำเงิน528,000
โบรชัวร์ Isuzu 2012 รุ่น SPARK ไฟล์ pdf : http://www.isuzu-tis.com/All-New/2012/catalog/Spark/Spark.pdf
ราคารถอีซูซุดีแม็ก 2012 รุ่น SPACE CAB และ SPACE CAB V-Cross
All New Isuzu D-MAX 2012 รุ่น Space Cab
All New Isuzu D-MAX 2012 รุ่น Space Cab
รุ่น SPACE CABสีที่มีให้เลือกราคา (บาท)
2.5 Sสีขาว562,000
2.5 Sสีเงิน,สีเงินแม็กซิกัน569,000
2.5 Lสีเงิน,ทองซาวันน่า,สีเงินแม็กซิกัน626,000
2.5 Zสีเงิน,สีทองซาวันน่า,สีเงินแม็กซิกัน656,000
2.5 VGS Zสีเงิน,สีทองซาวันน่า,สีเงินแม็กซิกัน671,000
โบรชัวร์ Isuzu 2012 รุ่นสองประตู SPACE CAB และ รุ่น Hi-Lander ไฟล์ pdf : http://www.isuzu-tis.com/All-New/2012/catalog/2DOOR/2-Door.pdf
ราคารถอีซูซุดีแม็ก 2012 รุ่น CAB 4 และ CAB 4 Hi-Lander
All New Isuzu D-MAX 2012 รุ่น CAB 4 และ CAB 4 Hi-Lander
All New Isuzu D-MAX 2012 รุ่น CAB 4 และ CAB 4 Hi-Lander
รุ่น CAB 4สีที่มีให้เลือกราคา(บาท)
CAB 4 2.5 Sสีขาว635,000
CAB 4 2.5 Sสีเงิน,สีเงินแม็กซิกัน642,000
CAB 4 2.5 Lสีเงิน,สีทองซาวันน่า,สีเงินแม็กซิกัน707,000
รุ่น CAB 4 Hi-Landerสีที่มีให้เลือกราคา(บาท)
HR 2.5 Lสีเงิน,สีทองซาวันน่า,สีเงินแม็กซิกัน,สีดำ738,000
HR 2.5 Lสีขาวมุกเอเวอร์เรสต์745,000
HR 2.5 VGS Zสีเงิน,สีทองซาวันน่า,สีเงินแม็กซิกัน,สีดำ783,000
HR 2.5 VGS Zสีขาวมุกเอเวอร์เรสต์790,000
HR 2.5 VGS Z DVDสีเงิน,สีทองซาวันน่า,สีเงินแม็กซิกัน,สีดำ798,000
HR 2.5 VGS Z DVDสีขาวมุกเอเวอร์เรสต์805,000
HR 2.5 VGS Z-Prestige Navi A/Tสีเงิน,สีทองซาวันน่า,สีเงินแม็กซิกัน,สีดำ869,000
HR 2.5 VGS Z-Prestige Navi A/Tสีขาวมุกเอเวอร์เรสต์876,000
HR 3.0 VGS Z-Prestige Naviสีเงิน,สีทองซาวันน่า,สีเงินแม็กซิกัน,สีดำ870,000
HR 3.0 VGS Z-Prestige Naviสีขาวมุกเอเวอร์เรสต์877,000
HR 3.0 VGS Z-Prestige Navi A/Tสีเงิน,สีทองซาวันน่า,สีเงินแม็กซิกัน,สีดำ915,000
HR 3.0 VGS Z-Prestige Navi A/Tสีขาวมุกเอเวอร์เรสต์922,000
โบรชัวร์ Isuzu 2012 รุ่น 4 ประตู CAB 4 และ รุ่น CAB 4 Hi-Lander ไฟล์ pdf : http://www.isuzu-tis.com/All-New/2012/catalog/4DOOR/4-Door.pdf
ราคารถอีซูซุดีแม็ก 2012 รุ่น CAB 4 V-cross
All New Isuzu D-MAX 2012 Cab 4 V-Cross
All New Isuzu D-MAX 2012 Cab 4 V-Cross
รุ่น CAB 4 Vcrossสีที่มีให้เลือกราคา(บาท)
Vcross 2.5 VGS Lสีเงิน,สีเงินแม็กซิกัน,สีดำ,สีแดงทัสคานี808,000
Vcross 2.5 VGS Lสีขาวมุกเอเวอร์เรสต์815,000
Vcross 3.0 VGS Z-Prestige Naviสีเงิน,สีเงินแม็กซิกัน,สีดำ,สีแดงทัสคานี942,000
Vcross 3.0 VGS Z-Prestige Naviสีขาวมุกเอเวอร์เรสต์949,000
Vcross 3.0 VGS Z-Prestige Navi A/Tสีเงิน,สีเงินแม็กซิกัน,สีดำ,สีแดงทัสคานี987,000
Vcross 3.0 VGS Z-Prestige Navi A/Tสีขาวมุกเอเวอร์เรสต์994,000
โบรชัวร์ Isuzu 2012 รุ่น 4 ประตู CAB 4 Vcross ไฟล์ pdf: http://www.isuzu-tis.com/All-New/2012/catalog/V-Cross/V-Cross.pdf
หากราคารถมีการเปลี่ยนแปลง ผมจะพยายามนำเอาราคาล่าสุดมาอัพเดตเพิ่มเติมเรื่อยๆ นะครับ
หมายเหตุ: ขอบคุณรูปและโบรชัวร์จาก http://www.isuzu-tis.com

วันพุธที่ 1 สิงหาคม พ.ศ. 2555

Colt Legendary โคลท์ ผู้ยิ่งใหญ่แห่งโลกอาวุธปืน

ในปี ค.ศ. 1836
หลังจากที่สหรัฐอเมริกาก่อตั้งขึ้นเป็นประเทศ และเพิ่งประกาศอิสรภาพได้เพียง 61 ปี ผ่านสงครามใหญ่มา 2 ครั้ง 
คือ สงครามปฏิวัติ และสงครามปี ค.ศ.1812 แอนดรูว์ แจ็คสัน ประธานาธิบดีคนที่ 17 มีมลรัฐรวมเข้าด้วยกันเพียง  25 รัฐ
ประชากรราว 25 รัฐ  มีประชากรราว  15 ล้านคน เป็นช่วงแรกของการสร้างชาติของอเมริกา นับเป็นปรากฏการณ์สำคัญของ
ศตวรรษที่ 19 ที่ส่งผลให้อเมริกากลายเป็นชาติมหาอำนาจในปัจจุบัน


ในช่วงเวลานั้น แซมมวล  โคลท์ ก็ก้าวเข้ามามีบทบาทที่โดดเด่น ต่อมาได้กลายเป็นตำนานที่ยิ่งใหญ่อีกบทหนึ่งใน
ประวัติศาสตร์ของสหรัฐฯ และของโลก  โคลท์คิดประดิษฐ์ปืนรีวอลเวอร์ซิงเกิ้ล แอ็คชั่นขึ้นมาและประสบความสำเร็จ
ซึ่งเป็นสิ่งที่ไม่เคยมีใครทำได้มาก่อน ในเดือนมีนาคม ค.ศ.1836  แซมมวล  โคลท์ ตั้งบริษัทขึ้นภายใต้ชื่อ
บริษัท เปเตนท์ อาร์ม แมนูแฟคเจอริ่ง คอมปานี (Patent Arms Manufacturing Company) ตั้งอยู่ที่เมืองแพ็ทเตอร์สัน 
ซึ่งเป็นเมืองอุตสาหกรรม อยู่ทางตะวันออกเฉียงเหนือของนิวเจอร์ซี่ สำนักงานขาย และสถานที่แสดงอาวุธปืน 
ตั้งอยู่เลขที่ 155 ถนนบรอดเวย์ ใช้เงินทุนทั้งหมดจำนวนถึง 300,000 เหรียญฯ


โคลท์ ประสบความสำเร็จในการขาย โคลท์  โมเดล 1873 ซิงเกิ้ล แอ็คชั่น  อาร์มี่ ให้แก่กองทัพสหรัฐฯที่รับเข้าประจำการ
ในปี ค.ศ.1873 ตลอดไปจนถึงการจำหน่ายในเชิงพาณิชย์ มีการผลิตอย่างต่อเนื่องตั้งแต่ปีค.ศ.1871 จนถึงปีค.ศ. 1980
ยาวนานถึง 69 ปี มีจำนวนการผลิตออกมาทั้งสิ้น 357,895 กระบอก

ประวัติปืน Gun Glock


Glock เป็นปืนพกมาตราฐานที่ผลิตขึ้นโดย บริษัท Glock ประเทศออสเตรีย หากกล่าวปืน Glock โดยคร่าวๆ คงเป็นการบอกล่าวถึงโครงสร้างของปืน โดยโครงสร้างของปืน Glockทำจากโพลิเมอร์ ส่วนที่เป็นลำเลื่อนและลำกล้องถึงจะทำด้วยเหล็กกล้าความพิศดารของปืนGlock อยู่ที่ไม่มี sefe และวัสดุที่ดูเหมือนพาสติก แต่อย่างเพิ่งคิดว่า Glock จะไม่มีสิ่งเย้ายวนใจให้น่าพิศมัยเหมือนปืนของที่อื่นเขานะครับ เพราะว่าเป็นความพิเศษของปืน Glock นั้น อยู่ตรงที่ระบบการจุดชนวนที่เป็นแบบเข็มแทงขนวนชนิดพุ่งกระแทก ไม่ใช้นกสับ และที่สำคัญ เรื่องราคาที่ค่อนข้างเป็นมิตรกับผู้ซื้ออยู่มาก แต่ปัจจุบันหลักจากรัฐบาลได้มีนโยบายจำกัดการมีอาวุธปืน ทำให้ราคาพุ่งขึ้นสูงเอาการอยู่ทีเดียวแต่เมื่อเทียบกับปืนแบบอื่นๆที่มีขายในท้องตลาด ก็นับว่าเป็นราคาที่ยังพอรับได้ กับจุดประสงค์เพื่อนำมาใช้งานอย่างแท้จริง เรื่องความสวยงามนั้นก็แล้วแต่จิตใจคุณจะชอบอย่างไร ไม่ขอออกความเห็น มาว่ากันด้วยเรื่องประสิทธิภาพการใช้งานมากกว่า

ปืน Glock ได้ถูกประดิษฐ์ขึ้นในปี 1963 โดยผู้ที่ประดิษฐ์ปืน Glock คือวิศวกรที่ทำงานอยู่ใน Deutsch-Wagram ซึ่งไกล้กับ Vienna ชื่อนักวิศกรผู้นี้คือ Mr.Gaston Glock โรงงานที่เขาทำอยู่นั้นเป็นโรงงานที่เกี่ยวกับการประดิษฐ์สิ่งของต่างๆ ที่ทำจากพาสติก และเหล็ก เขาได้เริ่มพัฒนาและประดิษฐ์ปืน Glock ของเขาอย่างจริงจัง ณ แห่งนี้ความหวังลึกๆ ของเขาคือ "ปืนของเขานั้นเป็นปืนที่ดีที่สุด เพื่อเข้าไปช่วยงานในกองทัพได้" และนอกจากปืนแล้วเขายังผลิต ยุทโธปกรณ์ต่างๆ ที่สำคัญสำหรับการออกสนามรบ เช่น อุปกรณ์สนาม มีด และอาวุธต่างๆ ความมุ่งมั่นของเขาที่ทำให้ปืน Glock ขึ้นตำแหน่งผู้นำของโลกในเรื่องคุณภาพของปืนโดยเขายึดมั่นมาตราฐานการผลิต 3ประการคือ ความเชื่อมั่นของลูกค้าความสะดวกในการใช้งาน การพกพา และการบำรุงรักษาที่ง่าย ก่อนที่จะติตามเนื้อหาของปืน ลองมาทำความรู้จักกับ ผู้ประดิษฐ์คิดค้น ปืน Glock กันก่อนนะครับ ว่านายช่างยอดอัฉริยะผู้นี้เป็นใคร
แกสตั้น กล็อค (Gaston Glock) ชาวออสเตรียเป็นผู้ก่อตั้งและเป็นประธานบริษัท Glock ไม่ต้องบอกเราคงจะทราบแล้วว่าลุงแกสตั้น แกเป็นบุคคลระดับอัฉริยะของโลก แต่ที่คนส่วนใหญ่อาจไม่รู้ก็คือ กล็อคยังเป็นนักกีฬาว่ายน้ำวันละหลายกิโลเมตร ขนาดอายุปีนี้ก็ 77 ปีแล้วแต่ยังแข็งแรงล่ำบึ๊ก เมื่อคืนวันที่ 26 กรกฎาคม 2542 กล็อกถูกทำร้ายที่เมืองลักซัมเบอร์ก โดยคนร้ายตีหัวด้วยฆ้อนยาง หัวแตกถึงเจ็ดแผล เสียเลือดไปกว่าหนึ่งลิตร ลุงแกสตั้นยังมีแรงสามารถชกคนร้ายที่อายุน้อยกว่าเกือบ 20 ปี จนฟันหลุดออกจากปากอัดกำปั้นเข้าเบ้าตา ไม่มีแรงหลบหนี เช้าวันต่อมามีคนไปพบทั้งสองคนนอนทับกันอยู่ จึงได้แจ้งตำรวจและหน่วยพยาบาลเข้าช่วยเหลือ
แกสตั้น ยังเป็นคนค่อนข้างจะเอาแต่ใจตัวเอง มุทะลุ และมีความเชื่อมั่นใจตัวเองสูงมาก มีเรื่องเล่ากันว่าเมื่อปี 2524 ก่อนกล็อค จะผลิตปืนตอนนั้น บริษัทยังเพียงแค่ทำเปลือกระเบิด พลั่ว และอุปกรณ์สนามพาสติกให้กับกองทัพออสเตรีย เป็นช่วงฤดูกองทัพออสเตรียเปลี่ยนปืนพกประจำการ ลุงแกสตั้นไปได้ยินผู้พันท่านหนึ่งรำพึงกับเพื่อนร่วมงานว่า ไม่มีผู้ผลิตรายใดยื่น เสนอปืนที่มีคุณสมบัติเฉพาะตัวตามต้องการของกองทัพได้ ลุงได้ยินเช่นนั้นก็สวนกลับไปว่า ได้ซิบริษัทกล็อคนี่แหละทำได้ ผู้พันสองคนหันดูลุงแกสตั้นแล้วหัวร่อใส่หน้า เท่านั้นแหละเป็นเรื่อง เล่นดูถูกกันต่อหน้าเช่นนี้มีหรือคนอย่างแกสตั้น กล็อค จะยอม คุณคริสโตเฟอร์ เอ็ดเวิร์ดส (Christopher Edwards) อดีตมือปราบผู้ช่วยนายอำเภอเจพเฟอร์สัน เคาน์ตี้ มณรัฐเคนตั๊กกี้ ปัจจุบันเป็นผู้อำนวยการสถาบันฝึกสอนของกล็อค อิงค์ สหรัฐอเมริกา หนึ่งในผู้ไกล้ชิดกับลุงกล็อกกล่าวว่า ไม่มีใครหัวเราะเยาะแกสตั้น กล็อคได้ แล้วหลุดรอด พี่แกไม่เคยลืมและยากจะให้อภัย

กล็อกมั่นใจว่าตนสามารถออกแบบและผลิตปืนมีคุณสมบัติจากกองทัพออสเตรียต้องการได้ดีกว่าคนอื่น ทั้งๆ ลุงเองไม่เคยมีประสบการณ์เกี่ยวกับปืนมาก่อน กล็อคบอกกับเพื่อนร่วมงานว่า ก็เพราะไม่มีความรู้นี่แหละ เป็นจุดเด่นทำให้ได้เปรียบเหนือผู้ผลิตรายอื่นๆ เพราะจะทำให้ความคิดของเขาเปรียบเหมือนผ้าขาว เปิดรับสิ่งใหม่ๆ ไม่ผูกติดกับวิธีการ เครื่องจักร หรือแม้กระทั่งเทคโนโลยีเก่าๆเป็นระยะเวลาสองปีที่ แกสตั้น กล็อค ตั้งหน้าตั้งตาออกแบบปืนกระบอกแรกของบริษัทกล็อค ลูกน้องลุงกล็อคเล่าให้ฟังว่า ลุงจะทดสอบปืนต้นแบบด้วยตนเองแต่จะยิงด้วยมือซ้าย เพราะเผื่อปืนระเบิดยังมีมือขวาไว้เขียนหนังสือ แกมุ่งมั่นกับโครงการนี้เกิดอาการหงุดหงิด งุ่นง่าน ถึงขนาด คุณป้า เฮวก้า (Helga) ภรรยายังไม่กล้าเข้าไกล้ เอากะพ่อซิ เมื่อปี 2526 กล็อคส่งมอบปืนชุดแรกให้กับทางกองทัพออสเตรีย หลังจากผ่านการทดสอบได้จากผ่านการทดสอบได้สั่งซื้อกล็อค 17 เป็นจำนวน 25,000 กระบอก กล็อคเป็นนวัตกรรมที่แตกต่างจากปืนอื่นๆ มีชิ้นส่วนเพียง 34 ชิ้นเปรียบเทียบกับปืนขนาด .45 เอซีพี ของสมิท แอนด์ เวสสัน ซึ่งมีส่วนประกอบถึง 60 ชิ้น โครงปืนผลิตจากวัสดุสังเคราะห์ ไม่เพียงมีราคาต้นทุนต่ำกว่า แต่ยังทำให้ความรู้สึกแรงสะท้อนถอยหลังน้อยกว่าปืนโครงโลหะ คุณจอนห์ ฟาร์นั่ม (John Farnum) ผู้ก่อต้องสถาบันฝึกอบรมป้องกันตัว Defense Trianing International ให้ข้อมูลว่า แกสตั้น กล็อค จะไม่รวยได้อย่างไร ก็เมื่อปืนมีต้นทุนประมาณ 75 เหรียญ สหรัฐฯ ขายในราคา 500 ดอลลาร์ นิตยสารธุรกิจอเมริกันชื่อ ฟอร์เบส (Forbes) ประมาณรายได้ของบริษัทกล็อคไว้ที่ 100 ล้านเหรียญ สองในสามของรายได้มาจากตลาดในสหรัฐอเมริกาทั้งส่วนพลเรือนและราชการ ซึ่งมีกว่า 4000 หน่วยงาน