วันอาทิตย์ที่ 29 กรกฎาคม พ.ศ. 2555

ความเป็นมาของ COLT M1911



 

John Moses Browning

บูชิโด เพราะมีการให้ข้อมูลว่า เมื่อการรบประชิดตัว จะต้องใช้อาวุธปืนพก ปืนพกขนาดอื่นๆ ไม่สามารถ หยุดยั้งทหารญี่ป่นที่ใช้ดาบซามูไร ( Katana ) เข้ามาฟันได้มันเป็นเรื่องที่น่าขำมาก เพราะทหารญี่ป่น ไม่เคยพกดาบซามูไร เข้าสนามรบเลย มันเป็นเพียงดามปลาย ปืนที่ใช้ติดปลาบปืนเท่านั้น เพื่อใช้ในการแทงเสียส่วยใหญ่ ไม่ได้เอาไว้ฟัน จะมีพกดาบซามูไรก็เป็นพวกนายทหารญี่ปุ่น ซึ่งมันก็เป็นดาบซามูไรสั้นเสียด้วย            ระหว่างปี 1899 - 1913 สหรัฐฯ ได้เข้าสงคราม Philippin American  War หลังจากที่สเปนแพ้สงครามแก่สหรัฐฯ แล้วต้องยกเมืองขึ้นให้กับสหรัฐ และประเทศฟิลิปปิน ก็เคยเป็นเมืองขึ้นสเปนมาก่อน สหรัฐ ต้องการขยาย
อำนาจมาทางเอเชียแปซิฟิกอยู่แล้ว ก็ได้ทำการยกกำลังเข้าสู่ฟิลิปปิน แน่นอนชาวฟิลิปปิน บางส่วนก็ยังภักดีต่อสเปน นั้นก็คือชาว Moro และชาว Moro ก็ยังได้รับการสนับสนุนเรื่องอาวุธจากสเปนแบบลับๆอีกด้วย            การรบในฟิลิปปิน ซึ่งเป็นการรบในป่า โอกาสใช้ปืนพกจึงมีมาก ในขณะนั้นกองทัพบกสหรัฐ ได้ใช้ปืนพกที่ใช้กระสุนขนาด .38 Long Colt คู่กับปืนลุกโม่ หรือไม่ก็ปืนพก Auto M1900 กับกระสุนขนาด .38 ACP ซึ่งเมื่อนำเข้าสงครามครั้งนั้น ถึงได้รู้ว่า อำนาจหยุดยั้งของกระสุน .38 ไม่เพียงพอ จะเอา Colt .45 SAA สมัยเมื่อใช้ยิงอินเดียนแดง ก็ไม่เหมาะสม เพราะบรรจุกระสุนน้อย และช้า            ทางกองทับสหรัฐฯ เลยต้องการปืนที่บรรจุกระสุนได้มาก และรวดเร็ว กระสุนที่ใช้ต้องมีขนาด .45 โครงการปืนพก Auto จึงเกิดขึ้น ซึ่งความจริงแล้วกองทัพก็มีปืนพก Auto ประจำการอยู่แล้ว และมีการนำเอา M1900 .38 ACP มาปรับปรุงให้ใช้กับกระสุนขนาด .45 ACP ไปพลางๆก่อน คือรุ่น M1907 แต่ปืนก็มีปัญหาในการใช้งาน ไม่ทนทาน             นาย John M. Browning ซึ่งเป็นนักออกแบบปืน เลือกระบบการทำงาน Short Recoil และกระสุน ขนาด .45 ACP ( .45" Autometic Colt Pistol ) ซองกระสุน หรือแม็กกาซีนบรรจุได้   นัด ต้นแบบตัวแรกเสร็จในปี 1910 แต่กองทัพให้ทำการปรับปรุงในเรื่องระบบความปลอดภัยของปืน เพิ่ม นอกจากมีระบบความปลอดภัยทั้งระบบเซฟล็อกไก และ ล็อกนกสับ ด้านข้างตัวปืนแล้ว ตัวต้นแบบตัวที่ ได้เพิ่มระบบเซฟหลังอ่อน ที่ตัดสะพานไกปืนไม่ให้ทำงาน หากกำปืนไม่แน่ด้วย และร่องรับนกตกเข้าไปอีก ต้นแบบตัวที่ จึงได้รับเลือก และกองทัพสั่งซื้อเข้าประจำการทันที            กระสุน .45ACP มีอำนาจหยุดยั้งสูงมาก วิถีกระสุนราบเลียบ ทำให้ยิงได้แม่นยำ กระสุน .45 ACP ได้รับขนานนามว่า Dum Dum Bullet เพราะมันสามารถหยุดยั้งฝ่ายตรงข้ามตั่งแต่นัดแรก หรืออย่างมากไม่เกิน นัด  M1911 จึงเป็นปืนที่ออกแบบเพื่อกระสุนชนิดนี้อย่างแท้จริง  M1911 จึงทำการแก้ไขปัญหาต่างๆตามที่สรรพาวุธสหรัฐแจ้งมา โดยทำการขยายความกว้างของศูนย์หน้าและล่องบากของศูนย์หลัง โครงด้ามหลังโกงไกปืนทำการปาดเนื้อส่วนนั้นออกไป และลดความยาวของหน้า ไกให้สั้นลง แก้ปัญหาเมื่อต้องใช้ถุงมือ ส่วนเรือนสปริงนกสับที่เคยเป็นแบบหลังตรง ก็เป็นเป็นแบบหลัง โค้งแทน เพื่อแก้ปัญหากระสุนกินต่ำ เปลี่ยนหลังอ่อนเป็นแบบหางยาว และลดวามยาวนกสับลงไม่ให้จิกง้ามมือ และไม่เกี่ยวเสื้อเวลาชักปืน ทำการเปลี่ยนประกับด้ามจากที่ใช้ไม้เป็นวัสดุสังเคราะห์ และปรับผิวปืนให้เป็นสีด้าน เพื่อลดแสงสะท้อน  ปืนตัวปรับปรุงใหม่นี้เข้าประจำการแทน M1911ในปี 1924 และได้ รหัสใหม่ว่า M1911A1  ถือว่าเป็นปืนรุ่นเดิมที่ทำการปรับปรุงนั้นเอง  

    ปืน M1911 และกระสุน .45 ACP ถูกออกแบบ และพัฒนา มาเพื่อใช้ในสมัยสงครามมหาเอเชียบูรพา ช่วงสงครามโลกครั้งที่ เพื่อนำมาใช้หยุดยั้งบรรดานักรบชาวญี่ป่น สายเลือด
    ดังนั้นปืน M1911A1 ที่ใช้ในช่วงสงครามโลกครั้งที่ ไม่ได้พัฒนามาใช้ยิงทหารญี่ปุ่นแน่นอน และที่ สำคัญในการมองข้อสงสัย รหัส 1911 คือรหัสปีที่ปืนพกตัวนี้เข้าประจำการ ซึ่งปี       ค.ศ. 1911มันก่อนสงคราม โลกครั้งที่ เสียด้วยซ้ำ แล้ว M1911 มันถูกพัฒนามาเพื่อใช้เมื่อไร และใช้กับใครหละ
   เมื่อ M1911 และกระสุน .45 ACP เข้าไปรวมรบเป็นปืนพกคู่กายของทหารสหรัฐ มันสามารถหยุดบรรดานักรับ Moro ที่ใส่เสื้อเกาะที่สานด้วยไม้ไผ่  ใช้ปืน Mauser M98 พร้อมดาบปลายปืน หรือใช้ง้าว คือ ดาบที่ใส่ด้ามของหอก ซึ่งยาวมาก ไม่ให้เข้ามาถึงตัวทหารสหรัฐฯในระยะประชิดได้ดีมาก กระสุน .45ACP สามารถทะลุเกระไม้ไผ่ได้ เพราะด้วยมวลของหัวกระสุนที่มาก หน้าตัดกระสุนที่ใหญ่ ทำให้ผู้ถูกยิงหมดสภาพการเคลื่อนที่ได้ทันที และ M1911 เป็นปืนที่มีขนาดเหมาะสม มีความแบนทำให้พกพาง่ายและใช้ได้คลองตัว ยิงซ้ำได้รวดเร็ว M1911 จึงได้เข้ารวมรบในฐานะปืนพกประจำกายกองทัพสหรัฐฯ จากนั้นมา
    M1911 ได้เข้าเป็นปืนพกประจำกายต่อในสมัยสงครามโลกครั้งที่ ทางกองทัพได้พบจุดบกพร่องใน M1911 ช่วงที่ใช้ในสงคราม หลังจากสงครามจบสิ้น ทางกองทัพได้ทำรายงานส่งให้กับหน่วยสรรพาวุธ คือ ศูนย์เล็งมีขนาดเล็กเกินไป เมื่อยิงที่ระยะเกินกว่า เมตร กระสุนกินต่ำ และมีปัญหาเมื่อใช้ปืนในที่อากาศหนาวจำเป็นต้องใช้ถุงมือ เอานิ้วเข้าโกงไกปืนได้ลำบาก                ทางสรรพาวุธจึงได้ทำการส่งข้อมูลให้ผู้ผลิต M1911 แก้ไข


......................................................................................................................................................          

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น